• +66 (0) 989965264
  • info@wisethailand.net
  • 83, หมู่ 7, ซอย 5, สันพระเนตร, สันทราย, เชียงใหม่, 50210, ประเทศไทย
การจัดการทรัพยากรบนฐานองค์ความรู้ภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นเมือง
เวทีการขอฉันทานุมัติผู้รู้ในการเก็บข้อมูลองค์ความรู้ชนเผ่าพื้นเมืองกับวิเคราะห์ข้อมูลองค์ความรู้สตรีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เวทีการขอฉันทานุมัติผู้รู้ในการเก็บข้อมูลองค์ความรู้ชนเผ่าพื้นเมืองกับวิเคราะห์ข้อมูลองค์ความรู้สตรีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ชุมชนสบโขงร่วมกันอนุรักษ์ รวบรวมองค์ความรู้สตรีเพื่อสิ่งแวดล้อม | เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โบสถ์คริสตจักรบ้านสบโขง ตำบลแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีการจัดเวทีการขอฉันทานุมัติผู้รู้ในการเก็บข้อมูลองค์ความรู้ชนเผ่าพื้นเมืองและวิเคราะห์ข้อมูลองค์ความรู้สตรีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลุ่มน้ำแม่เงา-แม่โขง โดยมีผู้แทนจากชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในกิจกรรมนี้

การจัดเวทีในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรวบรวมองค์ความรู้ดั้งเดิมของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ของสตรี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยมี นายไวยิ่ง ทองบือ เป็นประธานในการกล่าวเปิดและบรรยายถึงบทบาท ความสำคัญขององค์ความรู้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังได้มาบรรยายถึงบทบาทของกลุ่มสตรีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการขอฉันทานุมัติผู้รู้ (Free, Prior and Informed Consent: FPIC) ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการขออนุญาตจากชุมชนในการเข้าไปศึกษาและรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความรู้ดั้งเดิมและวัฒนธรรมของชุมชน

นายไวยิ่ง ทองบือ กล่าวว่า “การรวบรวมองค์ความรู้ของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการสืบทอดภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของบรรพบุรุษให้คงอยู่สืบไป นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” และ กล่าวเสริมว่า “สตรีมีบทบาทสำคัญในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนมาโดยตลอด การรวบรวมองค์ความรู้ของสตรีจึงเป็นการให้เกียรติและยอมรับบทบาทของสตรีในสังคม”

การจัดเวทีในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์และส่งเสริมองค์ความรู้ดั้งเดิมของชุมชนสบโขง และคาดว่าจะนำไปสู่การพัฒนาโครงการอนุรักษ์ที่สอดคล้องกับบริบทของชุมชนและเป็นประโยชน์ต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว