
โครงการคืนชีวิตแม่น้ำสาละวิน
แม่น้ำสาละวินเป็นแม่น้ำนานาชาติมีต้นกำเนิดจากการละลายของหิมะในเทือกเขาหิมาลัย ผ่านประเทศจีน ประเทศเมียร์นมา และประเทศไทยช่วงที่เป็นเขตชายแดนไทยกับพม่ามีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร โดยเริ่มจากอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไหลมาตามระหว่างชายแดนสองประเทศมาบรรจบกันที่บริเวณสบเมย อ.สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนที่จะไหลเข้าสู่ประเทศพม่าอีกครั้งและไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียวในที่สุดรวมระยะทางความยาวกว่า 2,800 กิโลเมตร ระหว่างทางมีแม่น้ำสาขาที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่ แม่น้ำปาย แม่น้ำเมย แม่น้ำยวม และในตอนใต้ในเขตประเทศพม่า ได้แก่ แม่น้ำกษัตริย์ แม่น้ำสุริยะ และรวมไปถึงแม่น้ำอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน เช่น แม่น้ำบีคลี แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี เป็นต้น จึงมีความหลากหลายของชนิดปลาตามแม่น้ำสาขานั้นๆด้วย สายน้ำสาละวินจึงเป็นแหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนสองฟากฝั่งมายาวนาน เรียกได้ว่าเป็นแม่น้ำที่ให้ชีวิตแก่คนที่อยู่ริมน้ำได้ดำรงชีวิตได้จากทรัพยากรที่อาศัยอยู่ในน้ำนั่นคือปลานานาชนิด จากการสำรวจปลาในช่วงที่เป็นเขตติดต่อกับชายแดนไทยพม่า












ลุ่มแม่น้ำสาละวินนี้ เป็นที่อยู่ของชนชาติพันธุ์หลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกะเหรี่ยง ชาวไทใหญ่ และชาวมอญ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 ได้มีการศึกษาวิจัยของชาวกะเหรี่ยงเผ่าปกาเกอะญอในพื้นที่เกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยาของพื้นที่ลุ่มแม่น้ำสาละวิน ตั้งแต่บริเวณเขตอำเภอแม่สะเรียงจนถึงอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบชนิดปลาประมาณ 70 ชนิด แบ่งเป็นปลาหนัง 22 ชนิด และปลามีเกล็ด 48 ชนิด โดยที่มีภาษาท้องถิ่นเรียกปลาว่า “หยะ” พบว่าในช่วงฤดูฝนที่น้ำในลุ่มแม่น้ำสาละวินเอ่อล้น ในราวเดือนพฤษภาคมฝูงปลาจะอพยพขึ้นไปตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ เพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ ในช่วงต้นฤดูหนาวราวเดือนตุลาคม ปลาจะเริ่มอพยพเดินทางลง และปลาบางชนิดก็จะวางไข่ เช่น “หยะโม” (ปลาพลวง) ในขณะที่ปลาบางชนิด เช่น “หยะที” (ปลาสะแงะ) เป็นปลาที่เดินทางไกลมาก โดยมาจากทะเลอันดามันมาสู่ลุ่มแม่น้ำสาละวิน หยะทีจะวางไข่ในทะเลและกลับมาเจริญเติบโตในน้ำจืด สภาพน้ำที่หยะทีจะอาศัยต้องเป็นน้ำสะอาด ไม่มีมลพิษ ในแหล่งน้ำใดที่มีการใช้สารเคมี จะไม่พบหยะทีอีกเลย (ที่มา : สืบค้นในเว็บไซต์ วิกิพีเดีย , 23 พ.ย. 2566) ปลาเหล่านี้เองที่เป็นอาหารล่อเลี้ยงผู้คนในลุ่มน้ำได้บริโภคและสร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงที่มีอาชีพหาปลาได้เป็นอย่างดี นอกจากสัตว์น้ำแล้วพื้นที่สองฟากฝั่งที่เป็นตลิ่งและหาดทรายในช่วงหน้าน้ำลดปรากฎว่าพื้นที่ส่วนนี้ใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกสำหรับผักสวนครัวได้เป็นอย่างดีเนื่องจากในฤดูน้ำหลากจะมีสารอินทรีย์ถูกพัดพามาทับถมเป็นธาตุอาหารให้แก่พืชเจริญเติบโดโดยที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยหมักมาเสริมอีกเลย นอกจากสัตว์น้ำ พืชริมน้ำที่เกิดจากการเพาะปลูกจากมนุษย์หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว แม่น้ำสาละวินยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับการคมนาคมสัญจรไปมาที่รวดเร็วที่สุดในเวลานี้และเป็นแหล่งน้ำแหล่งอาหารสำหรับคนและสัตว์ป่าได้ดำรงชีวิตด้วย
อย่างไรก็ตามด้วยความยาวของสายน้ำที่ประกอบด้วยผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์หลายประเทศทำให้แม่น้ำสาละวินได้ถูกใช้ประโยชน์ทั้งในด้านอุปโภค บริโภค ภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ เช่น การสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำสาละวินซึ่งมีผลต่อระบบนิเวศวิทยาขัดขวางเส้นทางน้ำทางธรรมชาติก่อให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาที่ไม่สามารถแหวกว่ายได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ปัญหาขยะที่ถูกทิ้งจากชุมชนตั้งแต่ต้นน้ำได้แก่น้ำสาขาย่อยต่างๆทั้งที่เป็นเมืองและชนบทต่างปล่อยขยะมูลฝอยลงในแม่น้ำย่อยไหลลงสู่แม่น้ำสาละวิน ขยะเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นติดอยู่ตามต้นไม้ ซอกหิน หรือตามริมน้ำสองฝั่งแม่น้ำสาละวินเป็นจำนวนมากซึ่งแน่นอนขยะเหล่านี้เป็นปัญหานำไปสู่ภัยต่อสัตว์ที่อาศัยในน้ำ สัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาได้กินขยะพลาสติก และขยะส่วนหนึ่งสร้างทัศนวิสัยที่ไม่น่าดู ซึ่งขยะบางชนิดอาจมีพิษส่งผลกระทบต่อชีวิตสัตว์น้ำและคนได้ เช่น สารเคมี หรือน้ำมันที่ไหลปะปนกับน้ำ การรณรงค์เก็บขยะตามลำน้ำสาละวินจะเป็นการลดปริมาณขยะที่จะไหลมาลงสู่ทะเลอีกด้วย ผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำสาละวินที่อาศัยอยู่ในช่วงบ้านแม่ตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง ลงไปตามบ้านแม่สามแลบจนถึงบ้านสบเมย เล็งเห็นปัญหาที่ก่อให้เกิดแม่น้ำสาละวินได้รับผลกระทบจากปัญหาขยะที่ถูกทิ้งจากบ้านเรือนในชุมชนต่างๆ ก่อปัญหามากกว่านี้ จึงร่วมใจกันที่จะปกป้องแม่น้ำสาละวินไม่ให้ถูกทำลายด้วยน้ำมือมนุษย์ไปมากกว่านี้จึงร่วมกันปกป้องแม่น้ำสาละวินโดยการรณรงค์ป้องกันและเก็บขยะตามลำน้ำสาละวิน และเพื่อให้แม่น้ำสาละวินได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลานานาชนิดให้ได้เจริญเติบโตขยายพันธุ์อันเป็นแหล่งอาหารให้แก่คนสองฟากฝั่งทำการจัดเก็บขยะตามริมแม่น้ำ ตั้งแต่บริเวณ.บ้านสบเมยถึงบ้านท่าตาฝั่ง รวมระยะทาง 17 กิโลเมตร และจัดพื้นที่อนุรักษ์คุ้มครองสัตว์น้ำให้มีความปลอดภัย ตั้งแต่บริเวณท่าเรือ ถึงบริเวณช่วงระหว่างแม่สามแลบเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร เพื่อให้พันธุ์ปลาในบริเวณดังกล่าวได้ขยายพันธุ์โดยปราศจากการรบกวนจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคนสองฟากฝั่งทั้งพี่น้องฝั่งไทยและฝั่งประเทศเมียนมาหรือรัฐกะเหรี่ยง(กองพล 5) เข้าใจร่วมมือกันต่อไป โดยจัดให้มีการประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อของกลุ่มคนต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย ชาวพุทธ ชาวคริสต์ และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม จะได้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของแต่ละศาสนาทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจต่อการปกป้องสัตว์น้ำอย่างเคารพและยำเกรงต่อสิ่งที่แต่ละคนเคารพนับถือ นอกจากนี้ได้มีการจัดนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ การแสดงทางวัฒนธรรม การบันเทิง เวทีเสวนาทางวิชาการเรื่อง ”เกี่ยวร้อยพลังคืนชีวิตสาละวิน..” และกิจกรรมการรณรงค์เก็บขยะตามลำน้ำสาละวินเป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ในพื้นที่ให้มีความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน 2.เพื่อรณรงค์ให้คนรู้รักษาปกป้องสาละวินให้ปราศจากขยะมูลฝอยคืนชีวิตสาละวินให้สะอาด 3. เพื่อเทิดพระเกียรติ 5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ จัดขึ้นเมื่อ วันที่ 4-5 ธันวาคม 2566 ณ. บ้านแม่สามแลบ ตำบลแม่สามแลบ อำเภสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน (แม่น้ำสาละวินและแม่น้ำสาขา ระยะทาง 17 กิโลเมตร)