• +66 (0) 989965264
  • info@wisethailand.net
  • 83, หมู่ 7, ซอย 5, สันพระเนตร, สันทราย, เชียงใหม่, 50210, ประเทศไทย
การพัฒนาการสร้างเครือข่ายความร่วมมือองค์กรและการรณรงค์การสื่อสาร
5 มิถุนายน 2568 – เชียงราย | ชาวบ้านเชียงราย-เชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง

5 มิถุนายน 2568 – เชียงราย | ชาวบ้านเชียงราย-เชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง

กลุ่มประชาชนจากพื้นที่ลุ่มน้ำกก สาย รวก และโขง ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ รวมตัวกันที่บริเวณสะพานแม่น้ำกก หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะการปนเปื้อนของโลหะหนักในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ และสุขภาพของประชาชนจำนวนมาก

ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า ตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา แม่น้ำกกที่เคยใสสะอาดกลับมีสภาพขุ่นข้นผิดปกติ แม้ในฤดูแล้ง ขณะที่แม่น้ำสายมีสีขุ่นข้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา แม่น้ำสายมีสีขาวขุ่น แม้ผ่านกระบวนการผลิตน้ำประปาแล้วก็ยังไม่ใส

ภาคประชาชนได้ติดตามตรวจสอบร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ พบว่าต้นเหตุมาจากการทำเหมืองแร่เถื่อนในรัฐฉานจำนวนมาก ซึ่งบางจุดอยู่ห่างจากพรมแดนไทยไม่ถึง 2 กิโลเมตร โดยจากภาพถ่ายดาวเทียมพบว่ามีจุดเปิดหน้าดินและทำเหมืองอย่างน้อย 40 จุด รวมถึงการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบนิเวศ

กรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง รวม 3 ครั้ง พบการปนเปื้อนของโลหะหนัก ได้แก่ สารหนู ตะกั่ว และสารพิษอื่น ๆ ในระดับเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร หรือการประมงได้อย่างปลอดภัย

คำแนะนำจากทางการที่ให้ประชาชน “หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ ห้ามบริโภคสัตว์น้ำ และงดกิจกรรมทางน้ำ” กลับสร้างความกังวลอย่างลึกซึ้งถึงผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง หากน้ำหลากพัดสารพิษเข้าสู่บ้านเรือน จะรับมือกับ “น้ำพิษ โคลนพิษ” ได้อย่างไร

นอกจากความกังวลด้านสุขภาพ ชาวบ้านยังเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวและการค้าขายที่ซบเซาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยยังไม่เห็นแนวทางชัดเจนจากรัฐบาลในการจัดการกับต้นตอของปัญหาอย่างจริงจัง

ประชาชนในพื้นที่ยืนยันว่า พวกเขาไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากภัยพิบัตินิเวศนี้ได้อีกต่อไป และขอให้รัฐบาลดำเนินการปิดเหมืองแร่เถื่อนในรัฐฉานอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งฟื้นฟูระบบนิเวศของลุ่มน้ำกก รวก สาย และโขง เพื่อความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหลายล้านคนที่พึ่งพิงแหล่งน้ำเหล่านี้ในการดำรงชีวิต