
เวทีเสวนาอคติทางภาษากับโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจในประเทศไทย: กรณีศึกษา ภาษาไต
เพราะทุกภาษาเท่าเทียมกัน เสียงเล็ก ๆ ที่ไม่ควรถูกกลบ” เมื่อภาษาไม่ใช่แค่เครื่องมือสื่อสาร แต่คืออัตลักษณ์ วิถีชีวิต และโอกาสในการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ การมีอยู่ของ “อคติทางภาษา” จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก หากแต่เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขวางกั้นความเท่าเทียมในสังคมไทย
วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมหอสมุดแห่งชาติราชมังคลาภิเษก จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดเวทีเสวนา “อคติทางภาษากับโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจในประเทศไทย: กรณีศึกษา ภาษาไต” โดยเครือข่ายชุมชนชาติพันธุ์เหนือตะวัน ภายใต้โครงการพัฒนานักสื่อสารรุ่นใหม่เพื่อลดอคติทางชาติพันธุ์ จุดประสงค์ของเวทีนี้ชัดเจน: เพื่อเปิดพื้นที่ให้ภาษาชาติพันธุ์ โดยเฉพาะ “ภาษาไต” ได้เปล่งเสียง และตั้งคำถามกับความเชื่อที่ว่า “ภาษาใดควรเป็นหลัก ภาษาใดควรถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์”
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมไตอันงดงามจากเยาวชนชาติพันธุ์ไต ก่อนจะเข้าสู่เวทีปาฐกถานำและการเสวนาจากนักวิชาการ ครูภูมิปัญญา และเยาวชนชาติพันธุ์ผู้มีประสบการณ์ตรง
“เพราะอคติทางภาษา ไม่ควรมีในสังคมที่ยุติธรรม” ความเชื่อว่าภาษาใดมี “สถานะเหนือกว่า” ภาษาอื่น ๆ เป็นรากของความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึกในโครงสร้างสังคม การสร้างสังคมที่เคารพในความหลากหลาย จึงต้องเริ่มจากการ “ยอมรับในความเท่าเทียมของภาษา” ทุกภาษาไม่ว่าจะเป็นไทย กลาง ไต ม้ง กะเหรี่ยง หรือใด ๆ ก็ตาม ล้วนมีคุณค่า อัตลักษณ์ และศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน
เวทีเสวนาครั้งนี้คือพื้นที่เล็ก ๆ ที่ปลุกเสียงไตให้ดังก้องขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่เพื่อไต หากแต่เพื่อสังคมไทยทั้งสังคมที่ควรหลุดพ้นจากอคติทางภาษาเสียที โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
ภาษาแม่กับการเรียนรู้: งานวิจัยและประสบการณ์ตรงชี้ชัดว่า เด็กชาติพันธุ์ที่สามารถใช้ภาษาแม่ควบคู่กับภาษาไทยมีพัฒนาการทางการเรียนรู้ที่ดีขึ้น การเข้าใจวิชาเรียนลึกซึ้งยิ่งขึ้น และรู้สึกเป็นเจ้าของพื้นที่การศึกษาอย่างแท้จริง
ภาษาไตในเมืองเชียงใหม่: เยาวชนชาติพันธุ์ไตสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึก “ด้อยค่า” ที่เกิดขึ้นเมื่อภาษาไตถูกมองว่าเชย ล้าสมัย หรือไม่สามารถใช้ในที่ทำงานหรือในระบบราชการได้ จนทำให้หลายคนเลือกที่จะปิดบังอัตลักษณ์ของตัวเอง
แบบเรียนพยัญชนะไต: เป็นหนึ่งในความพยายามฟื้นฟูภาษาไตอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ รู้สึกภูมิใจ และใช้ภาษาไตอย่างมั่นใจในชีวิตประจำวัน
ภาษากับบริการรัฐ: เมื่อภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ไม่ได้ถูกใช้ในระบบบริการสาธารณะ ก็เท่ากับลดโอกาสการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การรักษาพยาบาล การศึกษา หรือการเข้าร่วมเวทีนโยบาย
เสน่ห์ของภาษาและวัฒนธรรมไต: ไม่ใช่แค่ภาษา แต่ยังรวมถึงวรรณกรรม นิยายอิงประวัติศาสตร์ ชุดแต่งกาย และการแสดงศิลปะที่ล้วนถ่ายทอดความงามและอัตลักษณ์ไตออกมาได้อย่างทรงพลัง
การยอมรับว่าทุกภาษามีคุณค่าเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แค่การให้เกียรติภาษา แต่คือการให้เกียรติผู้คนที่พูดภาษานั้นด้วย เวทีเสวนาเรื่องภาษาไตครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของภาษาใดภาษาหนึ่ง แต่คือก้าวย่างสำคัญในการปลดอคติทางภาษาออกจากสังคมไทย และเปิดทางให้ความหลากหลายได้มีที่ยืนอย่างภาคภูมิใจในทุกมิติของชีวิต ทั้งการศึกษา การงาน และการมีตัวตนในสังคม.








